Lecture

[บทที่ 2]

จัดระบบโครงสร้างข้อมูล(Information Architecture)

         การจัดระบบโครงสร้างข้อมูลเป็นพื้นฐานในการออกแบบเว็บไซท์ที่ดี ได้แก่ รูปแบบการนำเสนอ ระบบการทำงานแบบจำลอง ระบบเนวิเกชัน และอินเตอร์เฟสของเว็บดังนั้น การจัดระบบโครงสร้างข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เกี่ยวข้องอยู่ในกระบวนการออกแบบเว็บไซต์การจัดระบบโครงสร้างข้อมูล คือการพิจารณาว่า เว็บควรจะมีข้อมูลและการทำงานใดบ้าง โดยเริ่มจากการกำหนดเป้าหมาย กลุ่มผู้ใช้เป้าหมาย เนื้อหาและการใช้งานที่จำเป็น นำมาจัดกลุ่มให้เป็นระบบ
Phase 1 : สำรวจปัจจัยสำคัญ(Research)

1. รู้จักตัวเอง-กำหนดเป้าหมายและสำรวจความพร้อม
2. เรียนรู้ผู้ใช้-ระบุกลุ่มผู้ใช้และศึกษาความต้องการการ
3. ศึกษาคู่แข่ง-สำรวจการแข่งขันและการเรียนรู้คู่แข่ง

Phase 2 : พัฒนาเนื้อหา(Site Content)
4. สร้างกลยุทธ์การออกแบบ
5. หาข้อสรุปขอบเขตเนื้อหา

Phase 3 : พัฒนาโครงสร้างเว็บไซท์(Site Structure)
6. จัดระบบข้อมูล
7. จัดทำโครงสร้างข้อมูล
8. พัฒนาระบบเนวิเกชัน

Phase 4 : ออกแบบและพัฒนาหน้าเว็บ(Visual Design)
9. ออกแบบลักษณะหน้าตาเว็บ
10. พัฒนาเว็บต้นแบบและข้อกำหนดสุดท้าย

Phase 5 : พัฒนาและดำเนินการ (Production & Operation)

11. ลงมือพัฒนาเว็บ
12. เปิดเว็บไซท์
13. ดูแลและพัฒนาต่อเนื่อง

 

[บทที่ 4]



  การจัดระบบข้อมูลในเว็บไซต์

               

การจัดระบบข้อมูลในเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของเว็บไซต์เนื่องจากโครงสร้างข้อมูลมีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาระบบเนวิเกชันเนื่องจากข้อมูลในแต่ละลำดับชั้นจะมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับรายการในระบบเนวิเกชัน  นอกจากนั้นชื่อของกลุ่มข้อมูลต่าง ๆ  ก็จะเป็นตัวกำหนดชนิดและลักษณะของข้อมูลภายในกลุ่มนั้น ๆ  ด้วย

              การจัดระบบข้อมูลในเว็บไซต์ประกอบด้วย  แบบแผนระบบข้อมูล (Organizational Scheme)  และโครงสร้างระบบข้อมูล (Organizational Structure)  โดยที่แบบแผนระบบข้อมูลในกลุ่ม  ซึ่งจะมีผลต่อการจัดแบ่งข้อมูลเข้าในแต่ละกลุ่มภายหลัง  ส่วนโครงสร้างระบบข้อมูลจะกำหนดรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มข้อมูล 

แบบแผนระบบข้อมูล (Organizational Scheme) 

                แบบแผนระบบข้อมูล  คือ  การกำหนดลักษณะพื้นฐานของข้อมูลภายในกลุ่มเดียวกัน  ในชีวิตประจำวันคุณอาจได้สัมผัสกับแบบแผนการจัดระบบต่าง ๆ  มากมายโดยไม่รู้ตัว  เช่น  ในการค้นหาเบอร์โทรศัพท์จากสมุดโทรศัพท์  ซึ่งใช้รูปแบบการจัดระบบตามตัวอักษร  หรือการเลือกซื้อของในห้างสรรพสินค้าที่มีการแบ่งหมวดหมู่สินค้าที่แตกต่างกันไป

แบบแผนระบบข้อมูลแบบแน่นอน (Exact Organizational Schemes)

                แบบแผนระบบข้อมูลแบบแน่นอน  เกิดจากการแบ่งข้อมูลออกเป็นกลุ่มที่แน่นอน โดยไม่มีการเหลื่อมล้ำของข้อมูลในแต่ละกลุ่ม  ตัวอย่างระบบข้อมูลรูปแบบนี้  ได้แก่  ระบบข้อมูลตามตัวอักษร  ระบบข้อมูลตามลำดับเวลา  และระบบข้อมูลตามพื้นที่  ลักษณะเด่นของแบบแผนประเภทนี้  คือ  ความง่ายต่อการออกแบบและดูแล  เพราะไม่จำเป็นต้องอาศัยความพยายามใด ๆ  ในการแบ่งข้อมูลให้อยู่ตามกลุ่มและยังง่ายต่อการใช้งาน

  • การจัดเรียงข้อมูลตามลำดับอักษร (Alphabetical)  เป็นรูปแบบการจัดระบบพื้นฐานของพจนานุกรม  สารานุกรม  สมุดโทรศัพท์  ห้องสมุด  และดัชนีที่อยู่ด้านหลังหนังสือ  สิ่งเหล่านี้ล้วนใช้ประโยชน์จากการลำดับตัวอักษรในการจัดเรียงข้อมูล  แต่วิธีนี้ก็มีข้อด้วย  คือ  สิ่งที่อยู่ใกล้เคียงกันอาจไม่มีความสัมพันธ์กันแต่อย่างใด
  • การจัดข้อมูลตามลำดับเวลา (Chronological)  มีความเหมาะสมกับข้อมูลบางประเภทที่มีความสัมพันธ์กับเวลา  เช่น ข่าว  หนังสือพิมพ์  รายการทีวี  ซึ่งจำเป็นนำเสนอข้อมูลตามลำดับเวลา

[บทที่8]
 เลือกใช้สีสำหรับเว็บไซต์(Designing Web Colors)
           การเลือกใช้สีสันในเว็บเพจเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ เนื่องจากสิ่งแรกที่ผู้ใช้มองเห็นจากเว็บก็คือสี ซึ่งเป็นสิ่งกำหนดบรรยากาศและความรู้สึกของเว็บไซต์
*ประโยชน์ของสีในเว็บไซต์    
    สามารถเชื่อมโยงบริเวณที่ได้รับการออกแบบเข้าด้วยกัน
    สามารถแยกส่วนต่างๆออกจากกันได้ง่าย
    สามารถดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน    ช่วยสร้างระเบียบให้คับข้อความต่างๆ
*แม่สีขั้นต้นมี 3 สี       สีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน
*การผสมสี(Color Mixing) มี 2แบบ
   1.การผสมแบบบวก เป็นการผสมของแสง ไม่ใช่การผสมของวัตถุที่มีสีบนกระดาษ นำไปใช้กับ จอ    โปรเจคเตอณ์ ทีวี หรือจอมอนิเตอร์  
 2.การผสมแบบลบ เป็นการผสมไม่เกี่ยวกับแสง แต่เกี่ยวกับการดูดกลืนและสะท้อนแสงของวัตถุต่างๆ การนำไปใช้งาน ภาพวาดของศิลปิน
*วงล้อสี (Color wheel)     เป็นรูปแบบหนึ่งในการจัดเรียงสีทั้งหมดไว้ในวงกลม และเป็นการจัดลำดับเฉดสีอย่างมีเหตุผลและง่ายต่อการนำไปใช้จะมี
   1.วงล้อสีแบบลบ  
   2.วงล้อสีแบบบวก
*สีที่เป็นกลาง(Neutral Colors)    คือกลุ่มสีที่ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในวงล้อสี เพราะเป็นสีที่ไม่ได้รับอิทธิพลมากจากสีอื่น ซึ่งสีเทา ขาว ดำ
*สีอ่อน สีเข้ม และโทนสี
    ในการผสมสีกลางเข้าก้บสีบริสุทธ์จะเกิดเป็นสีต่างๆ จำนวนมาก เช่น สีบริสุทธิ์ผสมกับสีขาว จะได้เป็นสีอ่อน สีบริสุทธิ์ผสมสีเทา จะได้เป็นโทนสีระดับต่างๆ สีบริสุทธิ์กับสีดำจะได้เป็นสีเข็ม
*รูปแบบชุดสีสามารถจัดเป็นกลุ่มง่ายดังนี้
   1.ชุดสีร้อนประกอบไปด้วยสีม่วงแกมแดง แดงแกมม่วง แดง ส้ม เหลือง และเขียวอมเหลือง สีเหล่านี้สร้างความอบอุ่น สบาย 
   2.ชุดสีเย็น ประกอบด้วยสีม่วง น้ำเงิน น้ำเงินอ่อน ฟ้า น้ำเงินแกมเขียว และสีเขียว ชุดสีเย็นให้ความรู้สึกเย็นสบาย ดูสุภาพ เรียบร้อย   
   3.ชุดสีแบบเดียว เป็นรูปแบบชุดสีที่ง่ายที่สุด คือมีค่าของสีบริสุทธิ์เพียงสีเดียว แต่งเพิ่มความหลากหลายโดยการเพื่มความเข็มอ่อนในระดับต่างๆ    
   4.ชุดสีแบบสามเส้า เป็นชุดสีที่อยู่มีมุมของสามเหลื่ยมด่านเท่าทั้งสาม ซึ่งเป็นสีที่มีระยะห่างในวงล้อสีเท่ากัน จึงมีความเข้ากันอย่างลงตัว   
   5.ชุดสีที่คล้ายคลึงกัน ประกอบด้วยสี 2 หรือ 3สีที่อยู่ติดกันในวงล้อ สามารถเพิ่มเป็น 4 หรือ5 สีก็ได้ แต่อาจส่งผลให้ขอบเขตของสีกว้างไป   
   6.ชุดสีตรงข้าม คือสีคู่ที่อยู่ตรงข้ามกันในว้อล้อ เมื่อนำสีทั้งสองมาใช้คู่กันจะทำให้สีทั้งสองมีความสว่างสดใส   
   7.ชุดสีตรงข้ามข้างเคียง เป็นชุดสีที่เปลี่ยนแปลงมาจากชุดสีตรงข้าม ชุดสีแบบนี้มีความสดใส สะดุดตา และเข้ากันของสีลดลงด้วย
    8.ชุดสีตรงข้ามข้างเคียงทั้ง 2 ด้าน ดัดแปลงมาจากชุดสีตรงข้างเช่นกัน แต่สีตรงข้างทั้ง 2 สีถูกแบ่งแยกเป็นสีด้านข้างทั้ง 2 ด้าน 
จะมีความสดใส แต่ความกลมกลืนของสีลดลง